เทคนิคเลือกชุดทักซิโด้ ให้หล่อ เนี๊ยบ 2024

 

สูททักซิโด้ คืออะไร และมีที่มาอย่างไร?

Tuxedo คือ ชื่อของชุดสูทสำหรับผู้ชายที่เป็นที่นิยมในงานสำคัญและงานต่าง ๆ โดยเฉพาะในงานที่ต้องการการแต่งกายที่เป็นระเบียบและเป็นธรรมดา เช่น งานแต่งงาน, งานเลี้ยงบริษัท, งานเทศกาล, หรืองานธุรกิจที่สำคัญ

 

 

ชุด Tuxedo เป็นชุดสูทแบบตัวแยกที่มีลักษณะพิเศษคือเสื้อเหลี่ยมสีดำหรือน้ำเงินที่มีเนื้อผ้าด้านนอกที่เป็นค่ำ ๆ และเนื้อผ้าด้านในที่เป็นสีขาว

 

ซึ่งเนื้อผ้าด้านนอกจะมีการติดคิ้วหนังไว้ในบริเตนต่อเสื้อ เพื่อให้ดูเป็นระเบียบและสวยงามมากยิ่งขึ้น

 

 

ชุดสูทแบบนี้ มักจะใส่ร่วมกับเสื้อเชิ้ตขาวและคาวัตร์ รวมถึงสวมรองเท้าส้นสูงสีดำ

 

ในประเทศไทยอาจเรียกชุด Tuxedo ว่า “ทักซิโด้” ซึ่งมาจากภาษาญี่ปุ่น “タキシード” (Takushīdo) เนื่องจากชุดนี้เป็นชุดที่นำมาใช้ในงานแต่งงานของสามีภรรยาในประเทศญี่ปุ่น

 

 

ชุดนี้เป็นสัญลักษณ์การแต่งกายที่เป็นที่นิยมและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างในหลายประเทศ ด้วยความสวยงามและความเป็นสัญลักษณ์ของความชั้นหรูและเป็นทางการ

 

 

 

 

เคล็ดลับในการเลือก สูททักซิโด้ (tuxedo suits)

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชายที่มีรสนิยมการแต่งกายแบบใด ไอเท็มที่ควรมีติดตู้เสื้อผ้าไว้อย่างน้อย 1 ชุดก็คือ ชุดสูท เนื่องจากเป็นชุดที่เป็นทางการและสุภาพ ให้ลุคที่ดูเป็นสุภาพบุรุษและน่าเชื่อถือ ทั้งยังสวมใส่ได้ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวัน ไปทำงาน หรือออกงานสำคัญ วันนี้  จึงมานำเสนอ สูททักซิโด้ แบบต่าง ๆ รวมถึงแนะนำวิธีการเลือกและแมทช์กับเครื่องประดับต่างๆ  เพิ่มเสน่ห์ให้กับลุคของคุณ

 

สี Black Tie

สูท สี Black Tie เพิ่มความหรูหราอย่างมีระดับด้วยผ้าซาตินที่แต่งเป็นปกทรงแหลม ชุดมีความเป็นทางการมากกว่าชุดสูท โดยส่วนมากมักนิยมใส่ไปงานตอนเย็น อย่างการไปดินเนอร์ตามร้านอาหารหรูๆ หรือไปงานแต่งงานก็เหมาะเลยทีเดียว เชื่อได้เลยว่าในชีวิตนี้คุณจะต้องมีสักครั้งที่มีโอกาสได้สวมใส่อย่างแน่นอน 

 

รุ่น Ultimate Fit เหมาะกับผู้ชายรูปร่างสูงกว่ามาตรฐาน รุ่นนี้มึ 9 ไซส์ ตั้งแต่ 48-64
ชุดสูทของสูทคิวบ์ทุกรุ่น สามารถปรับแก้ได้เพื่อให้เหมาะสมกับสรีระของลูกค้า เพราะใส่สูททั้งที ต้องใส่ให้ “พอดี”

 

 

>> ดูชุดสูทสีดำเพิ่มเติมคลิกที่นี่

 

 

 

 

 

ประวัติศาสตร์ สูทแบบทักซิโด้ เครื่องแต่งกายแห่งความเป็นสุภาพบุรุษ

เริ่มต้นกันที่ประวัติชุดที่มีมาอย่างยาวนานในช่วงแรก ชุดสูทถูกออกแบบมาในทรง Oversize มีสีสันมากมายและสามารถจับคู่กับกางเกงหลายรูปทรง ไม่ว่าจะเป็นทรงกระบอกใหญ่ขาม้าหรือขากระดิ่งสุดแนวแต่ปัจจุบันนี้ชุดสูทได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและยุคสมัยทำให้ชุดสูทแบบเข้ารูปเป็นที่นิยมซะมากกว่าการใส่แบบ Oversize ที่ดูเทอะทะและขยับตัวลำบากในสังคมที่เร่งรีบ

 

 

 

รู้ไหมชุดสูททักซิโด้กำเนิดในอังกฤษ

ไม่มีเครื่องแต่งกายชนิดไหนอีกแล้วที่จะส่งสัญญาณความเป็นสุภาพบุรุษได้ดีเท่ากับ ชุดสูทแบบนี้สำหรับงานกลางคืนที่มีต้นกำเนิดในประเทศอังกฤษ โดยมีชื่อเรียกแต่ดั้งแต่เดิมว่า สูทแจ๊กเก็ตอาหารค่ำ (Dinner Jacket)

 

เจ้าสูทชนิดนี้มีต้นกำเนิดยาวนานมาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 โดยถือว่าเป็นวิธีการแต่งตัวในแบบทางเลือกซึ่งผ่อนคลายขึ้นของสุภาพบุรุษชาวอังกฤษในยุคนั้น ที่จากเดิมเป็นการสวมแจ๊กเก็ตหางยาวที่ด้านหลัง ให้กลายเป็นแจ๊กเก็ตสูทแบบปกติที่มีหน้าตาคล้ายสูทธรรมดาใส่ง่ายที่เรียกว่า Lounge Suit

 

แบบชุดสูทก็ถูกพัฒนาให้มีหน้าตาแปลกประหลาดจนหลุดโลก ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุ สีสัน หรือการตกแต่งลวดลายสไตล์โฉ่งฉ่าง เช่นเป็นผ้าใยสังเคราะห์ทอลายสีสด ใส่คู่กับโบไทขนาดมหึมา แล้วสวมเชิ้ตแบบมีระบายพลิ้วไหว! จวบจนเวลาเดินทางมาถึงทศวรรษ 1980s รูปแบบสไตล์แปลกประหลาดจึงเริ่มแผ่วลง และเปิดทางให้กระแสหน้าตาคลาสสิกได้กลับมาเกิดใหม่

 

แต่ถ้าจะถามว่าช่วงเวลาไหนที่เรียกว่าเป็นยุคทองของก็คงไม่พ้นยุคปัจจุบัน เพราะนี่คือช่วงเวลาสำคัญที่สูทแบบคลาสสิกได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม และยังปรากฏให้เห็นทั่วไปทั้งในโลกเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม

 

 

นั่นเพราะสุภาพบุรุษตัวจริงทุกคนในวันนี้รู้ว่า ไม่มีสูทชนิดไหนอีกแล้วที่สวมแล้วเท่ และสามารถเปลี่ยนผู้ชายบ้านๆ ให้กลายเป็นเจ้าชายตัวจริงได้เท่ากับการสวมสูทออกงานกลางคืน

 

 

 

 

 

ไขข้อข้องใจ “สูท VS ทักซิโด้” เหมือน-ต่างกันอย่างไร

คำถามนี้น่าจะเป็นคำถามที่หลายคนยังคงสงสัยและไม่แน่ใจว่าระหว่าง “สูท” กับ “ทักซิโด้” นั้นเราจะสังเกตได้อย่างไร ว่ามีอะไรที่แตกต่างกันบ้างและทั้งสองอย่างมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างไร วันนี้ MenDetails

 

 

 

จึงขอเสนอบทความที่จะบอกความแตกต่างเบื้องต้นระหว่างสองอย่างนี้ รวมถึงธรรมเนียมและลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่เราควรรู้เอาไว้ ถึงแม้อาจจะไม่ได้มีโอกาสใส่ชุดทักสิโด้บ่อยนักก็ตาม แต่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เราใส่แบบผิด เมื่อมีโอกาสได้ใช้งานชุดในวันพิเศษของตัวเองนะครับ

 

 

 

 

ลักษณะตัวเฉพาะทักซิโด้ แตกต่างจากสูทอย่างไร?

สำหรับชุดแบบนี้ต้องทำความเข้าใจนิดนึงค่ะว่า เป็นชุดสูทประเภทหนึ่ง นิยมใส่ในงานที่เป็นทางการ หรือสำหรับคนที่มีความสำคัญสำหรับงานนั้นๆ เช่น งานแต่งงาน ผู้ที่ควรจะใส่ ก็คือ เจ้าบ่าว และพ่อเจ้าบ่าว เป็นต้น มีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างจากสูททั่วไปดังนี้

 

 

ปกและขอบกระเป๋าที่อยู่บนแจ็กเกต จะใช้ผ้าไหมที่มีความมันวาว

 

แบบปกมีให้เลือก 3 แบบคือ

-ปกป้าน (Notched Lapel)

-ปกแหลม (Peak Lapel)

-ปกโค้งหรือปกกล้วย (Shawl Lapel)

 

กระดุมเป็นแถวคู่

วัสดุที่ใช้ทำกระดุมจะเป็นผ้า โดยนำผ้าไหมแบบเดียวกับที่ใช้ทำปกและขอบกระเป๋ามาหุ้มไว้ ทั้งกระดุมเสื้อและกระดุมแขน

 

มีคัมเมอร์บันด์ (ผ้าคาดเอว)

มีคัมเมอร์บันด์ (ผ้าคาดเอว) ที่ทำจากผ้าไหมมันวาวชนิดเดียวกับที่ใช้ทำปก ซึ่งจะช่วยเก็บหน้าท้องให้หุ่นดูสมาร์ทมากยิ่งขึ้น

 

กางเกงไม่มีหูเข็มขัด

กางเกงไม่มีหูเข็มขัด แต่มีกระดุมไว้ยึดด้านข้างแทน (จะถูกคัมเมอร์บันด์คาดทับไว้)

 

ด้านข้างของกางเกงอาจมีแถบผ้าไหมมันวาว

ด้านข้างของกางเกงมีแถบผ้าไหมมันวาวแบบเดียวกับที่ใช้ทำปก คาดยาวตั้งแต่เอวลงมาถึงปลายขากางเกง

 

เชิ้ตด้านในนิยมเป็นเชิ้ตที่มีการตีเกล็ด

เชิ้ตด้านในนิยมเป็นเชิ้ตที่มีการตีเกล็ดเป็นเส้นตรงจากอกยาวลงมาจนเลยช่วงเอวเล็กน้อย

 

คำแนะนำที่เจ้าบ่าวต้องอ่าน!!

ชุดสูทสำหรับพิธีเช้าส่วนใหญ่นิยมเป็นสูทสีอ่อน เช่น สีเทาอ่อน สีน้ำตาลอ่อน เป็นต้น

 

ชุดสูทสำหรับพิธีฉลองมงคลสมรสช่วงเย็นนิยมเป็นชุดสีเข้ม เช่น สีน้ำเงิน หรือ สีดำ

 

จะตัดสูททั้งที 3 ข้อนี้จำให้แม่น

 

-เลือกผ้าคุณภาพดีจะทำให้ใส่สบาย

-เลือกแบบปก (Pattern) ที่ชอบและเหมาะสม

-เลือกคัตติ้งว่าจะเป็นแบบเข้ารูป (พอดีตัว) หรือหลวมนิดหน่อยพอให้ใส่สบาย

TipS & Trick แถมให้!
เพื่อความหล่อที่สมบูรณ์แบบ แนะนำให้ว่าที่เจ้าบ่าวทุกท่านเลือกเชิ้ตด้านในที่แขนยาวโผล่ออกมาจากแขนแจ็กเกต สักเล็กน้อย หรือถ้าเอาไม้บรรทัดวัดก็ประมาณ ¼ – ½ นิ้ว

 

 

ความแตกต่างในเรื่องรูปร่างหน้าตาภายนอก

1. ทักสิโด้มีสีให้เลือกน้อยกว่า

ชุดทักสิโด้จะมีสีให้เลือกไม่เยอะนัก ได้แก่ สีดำ ซึ่งถือเป็นสีที่นิยมใช้เป็นสีชุดทักสิโด้ทั้งชุดมากที่สุด สีขาว ซึ่งจะใช้สำหรับเสื้อทักสิโด้ที่เรียกว่า Dinner Jacket ซึ่งมักจะใส่คู่กับกางเกงสีดำ ไม่ใส่กับกางเกงสีขาว ส่วนสีอื่นอย่างสีเทาเข้ม และสีน้ำเงินเข้มหรือกรมท่า ซึ่งถือเป็นสีของทักสิโด้สมัยใหม่ที่คลายความเข้มงวดจากแต่ก่อนที่จะใช้เพียงแค่สีดำหรือสีขาวเท่านั้น ที่สำคัญคือทักสิโด้มักไม่มีสีสันฉูดฉาดและจะเป็นสีพื้นที่ไม่มีลวดลายใดๆเท่านั้น เพื่อเน้นความสุภาพและเป็นทางการที่สูงกว่าสูทครับ

 

 

 

2. ทักสิโด้มีเนื้อผ้าแตกต่างที่ตรง “ปก” และ “ตะเข็บข้างกางเกง”

เนื้อผ้าสำหรับการตัดเสื้อสูทปกติจะใช้ผ้าแบบเดียวกันและสีเดียวกันหมดทั้งชุด แต่เนื้อผ้าสำหรับชุดทักสิโด้จะมีลักษณะพิเศษตรงที่เนื้อผ้าตรงปกเสื้อจะแตกต่างจากเนื้อผ้าที่เป็นตัวเสื้อส่วนใหญ่มักใช้เป็นผ้าซาตินหรือผ้าไหมมาทำเป็นปก โดยจะมีสีที่เหมือนกันหรือต่างกันกับผ้าที่เป็นตัวเสื้อก็ได้ แต่ถ้าหากว่าแตกต่างกัน ก็จะนิยมใช้สีดำเป็นหลักครับ เช่น ถ้าเสื้อทักสิโด้เป็นสีกรมท่า เนื้อผ้าของปกอาจเป็นผ้าซาตินสีกรมท่าที่เข้มกว่าและ “เงากว่า” หรืออาจใช้เป็นสีดำแทนไปเลยก็ได้ แต่จะไม่มีการใช้สีอื่นๆตามใจชอบนะครับ ให้เลือกได้แค่ประมาณนี้เท่านั้น และอีกจุดหนึ่งคือตรงตะเข็บข้างกางเกงตามแนวยาวตั้งแต่บนสุดไปจนถึงปลายขาก็จะมีเนื้อผ้าแบบเดียวกับปกเสื้อเย็บติดอยู่เป็นแถบยาวตลอดแนวเช่นกัน ถือเป็นลักษณะเด่นของชุดทักสิโด้ที่ไม่มีในชุดสูทครับ

 

 

 

 

 

3. เสื้อทักสิโด้นิยมใช้ปกแค่ 2 แบบ

เสื้อสูทจะมีปกทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ Notch Lapel, Peak Lapel และ Shawl Lapel  แต่เสื้อที่เป็นทักสิโด้จะนิยมใช้ปกเพียงสองแบบเท่านั้นได้แก่ Peak Lapel และ Shawl Lapel ไม่นิยมอย่างยิ่งที่จะตัดเสื้อทักสิโด้ที่เป็นปกแบบน็อตช์ Notch Lapel นั่นเพราะมันมีความสุภาพและเป็นทางการที่ต่ำกว่า เป็นปกเสื้อที่เหมาะสำหรับสูทของนักธุรกิจในการติดต่อการงาน ไม่ใช่ทักสิโด้สำหรับออกงานรื่นเริงที่เป็นทางการเต็มรูปแบบของสุภาพบุรุษครับ

 

 

 

4. ใส่กับเสื้อเชิ้ตสีขาว และหูกระต่าย (Bow tie) เท่านั้น

ผู้ชายสามารถเล่นสีระหว่างเสื้อเชิ้ตกับชุดสูทของตัวเอง แต่สำหรับทักสิโด้นั้น เสื้อเชิ้ตที่เราจะใส่ข้างในได้ต้องเป็นสีขาวเท่านั้นครับ และที่สำคัญก็คือจะไม่มีการนำเนกไทมาใส่กับชุดทักสิโด้โดยเด็ดขาดครับ นั่นเพราะผู้ชายจะใส่ชุดทักสิโด้กับ “หูกระต่าย” หรือ Bow Tie ที่คอเท่านั้น เรื่องนี้ไม่มีข้อต่อรองหรือข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้นครับผม

 

ถึงแม้ว่าในยุคปัจจุบันนี้ ชุดมักไม่ค่อยมีคุณผู้ชายใส่กันมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับชุดสูท แต่เชื่อได้เลยว่าในชีวิตคุณต้องมีสักครั้งที่มีโอกาสได้สวมใส่ไปงานเลี้ยงจริงๆ เราจึงนำเสนอ วิธีการเลือก ชุดที่เหมาะสมกับตัวคุณ เพื่อให้คุณเดินยืดสง่างามดุจดั่งเจ้าชายแห่งรัตติกาล จนทำให้สาวเล็ก สาวใหญ่ ต่างพากัน ใจละลาย ไปตามๆกัน

 

 

ควรใส่ทักซิโด้ตอนไหนดี และมีกี่แบบ?

ใครเคยสงสัยว่า Black Tie เค้าแต่งกันยังไง ต้องแบบนี้เลยค่ะ สูทและกางเกง  หล่อเนี๊ยบ โดดเด่นกว่าใคร เป็น Groom’s Killer เลยทีเดียว

 

สำหรับ สูทแบบนี้ เหมาะสำหรับงานเลี้ยงดินเนอร์ เจ้าบ่าวควรเลือกชุดทักซีโด ซึ่งมีแบบพื้นฐานอยู่ 3 แบบ คือ

 

1. ชุดสูทแบบปกไม่มีหยัก

เป็นชุดที่ปกยาวโค้งลงมาจากคอโดยไม่มีหยักแหลม ชุดนี้จะสวมใส่งานแต่งงานตอนกลางคืน ซึ่งเป็นชุดที่ผู้ชายไทยนิยมกันมากที่สุด บางคนอาจเรียกว่า “แบบปกกล้วยหอม” เป็นปกยาวโค้งลงมาจากคอโดยไม่มีหยักแหลม ใช้กระดุมแถวเดียว 1 เม็ด ที่แต่งแล้วช่วยเพิ่มบุคลิกภาพให้ดูดี เพราะจะช่วยให้ช่วงไหล่เด่นขึ้น และคอเสื้อที่ยาวลงมาเป็นรูปตัววี เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตมากกว่าแบบอื่น ทำให้คนสวมดูสูงเพรียวขึ้น แบบปกไม่มีหยักเหมาะกับคนทุกรูปร่าง และสำหรับคนที่อ้วนมาก ควรที่จะเลือกสวมชุดนี้ เพราะเสื้อกั๊กตัวในที่เข้ารูปจะช่วยปกปิดช่วงหน้าท้องได้ ทำให้ดูผอมลง

 

 

การแต่งสูทแบบปกไม่มีหยัก จะต้องแต่งประกอบกับเสื้อเชิ้ตสีขาวคอปกแบบเรียบ ๆ (ซึ่งเหมือนกับเสื้อเชิ้ตสากลทั่วไป) หรือคอตั้งปลายพับ(ปกวิงคอลลาร์ : Wing-collar) ทั้งสองแบบจะตีเกล็ด หรือ ติดแถบริ้วที่หน้าอก และต้องใช้ดุมขัดข้อมือและอกเสื้อ พร้อมกับสวมเสื้อกั๊กสีเดียวกับชุดสูทสวมทับอีกชั้น ผูกโบไท (Bow Tie) สีดำ ถ้าหากใส่ชุดสูทสีอื่น เช่น ชุดสูทสีขาว สีครีม โบไทก็ควรมีสีเดียวกับชุดด้วย และควรเพิ่มสีสันด้วยการหาผ้าสีขาวสะอาดปักกระเป๋า หรือนำดอกไม้สวย ๆ มาประดับตรงประเป๋าเสื้อก็สวยเก๋ไปอีกแบบ

 

 

2. ชุดสูทแบบปกมีหยัก

แบบปกมีหยัก หรือบางคนอาจเรียกว่า “แบบปกเทเลอร์” เป็นแบบที่มีปกหยักเหมือนสูทธรรมดา ใช้กระดุมแถวเดียว 3 เม็ด ถือเป็นแบบสากลที่นิยมใส่ออกงานต่าง ๆ (รวมถึงงานแต่งงานด้วย) นักออกแบบส่วนมากมักออกแบบมาให้ กลัดเฉพาะสองเม็ดบน แม้จะมีบางคนชอบชนิดกระดุมสามเม็ด ที่ดูคลาสสิกกว่า โดยพับปกลงมาถึงกระดุมเม็ดที่สอง ส่วนเม็ดบนสุดไม่ต้องกลัด แต่ซ่อนอยู่หลังปก ชุดนี้ส่วนมากจะใส่ในพิธีงานช่วงกลางวัน แต่ถ้าอยากประหยัดงบจะใส่ช่วงกลางคืนด้วยก็ไม่ว่ากัน แต่ควรเลือกสูทสีเข้มเข้าไว้จะดีกว่า แบบปกมีหยักนี้ เหมาะกับคนทุกรูปร่าง สวมใส่แล้วดูเท่ไม่ต่างจากชุดสูทหรูที่มีราคาแพง

 

การแต่งสูทแบบปกมีหยัก จะต้องแต่งประกอบกับเสื้อเชิ้ตตัวในสีขาวคอกว้าง ตามด้วยสวมเสื้อกั๊กสวมทับอีกชั้นด้านใน ผูกโบไทลายไหนก็ได้ แต่ขอให้ถูกกาลเทศะ และเลือกสีให้เข้ากับชุดสูท ปิดท้ายด้วยการสวมสูทตัวนอก เพื่อความสุภาพควรมีผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดตาปักไว้ในกระเป๋าเสื้อด้วย

 

 

3. ชุดสูทแบบปกแหลม 

เป็นแบบที่มีปกกว้างกว่าแบบอื่นมาก มีให้เลือกทั้งแบบกระดุมแถวเดียว และสองแถว เป็นชุดสำหรับตอนกลางคืน แตกต่างจากสูททั่วไปคือปกกว้าง มีทั้งแบบกระดุมแถวเดียวและสองแถว ผ้าด้านหลังจะยาวและรัดรูปมากกว่าชุดสูทแบบอื่น ผู้ที่สวมใส่จึงต้องมีรูปร่างดีอยู่แล้ว

 

ซึ่งจะช่วยเพิ่มบุคลิกภาพให้สง่างามยิ่งขึ้น ในแถบยุโรปหรืออเมริกาถือว่าชุดงานกลางคืนนี้เป็นทางการมากที่สุด แต่ในบ้านเราจะไม่ค่อยนิยมกัน เพราะผู้ชายไทยมีรูปร่างไม่สูงมาก และคนส่วนใหญ่คิดว่าถ้าสวมใส่แล้วจะดูเหมือนนักมายากล แบบปกแหลมเหมาะสำหรับคนที่มีคอยาว หุ่นสูงเพรียว

 

ส่วนคนที่มีรูปร่างเตี้ย ขอแนะนำว่าไม่ควรเลือกชุดนี้ เพราะทรงขากางเกงยาวเมื่อใส่แล้ว ผ้าจะไปกองอยู่ด้านหลังทำให้ดูเตี้ยตันกว่าเดิม

 

ปกเสื้อต้องเป็นผ้าแพรซาตินหรือผ้าไหมชนิดเนื้อหยาบ ส่วนโบหูกระต่าย ต้องทำจากผ้าประเภทเดียวกัน หูกระต่าย คือสิ่งที่สำคัญพอๆ กับการเลือกเน็คไท สูททักซีโด้ที่นิยมใช้กันมี 2 แบบ คือ แบบปลายแหลมและแบบปลายมน การผูกหูกระต่ายแบบผีเสื้อเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ถ้าคุณผูกเองไม่เป็นก็มีแบบสำเร็จรูปให้

 

 

การแต่งกายแบบ Black tie (แบล็กไท) ด้วยชุดจะต้องประกอบด้วย เสื้อเชิ้ตสีขาวคอปกแบบเรียบ ๆ หรือคอตั้งปลายพับ(ปกวิงคอลลาร์ : Wing-collar) ทั้งสองแบบจะตีเกล็ด หรือติดแถบริ้วที่หน้าอกก็ได้

 

และต้องใช้ดุมขัดข้อมือ และอกเสื้อ คาดทับด้วยผ้าคาดเอว หรือ Cummerbund (คัมเมอร์บันด์) สีดำ (ถ้าเจ้าบ่าวใส่เสื้อกั๊กผ้าคาดเอวไม่จำเป็นต้องใช้)

 

สวมทับด้วยชุดผูกโบไทสีดำหรือสีเข้ม ควรเพิ่มสีสันโดยการใช้ผ้าลินินสีขาวสวย ๆ ปักกระเป๋าไว้ด้วย จะทำให้ชุดดูหรูหราสะดุดตายิ่งขึ้นอีก

 

 

 

 

 

 

 

บริการ เช่า ขาย สูทผู้ชาย ทุกรูปแบบ

 

 

LINE ID : @missuri

Follow Instagram : missuri_dress

โทร.02-561-1457 , 098-567-8824

เปิดบริการ วันอังคาร – วันอาทิตย์

10.00 – 20.30 น.

ที่อยู่ร้าน : 151/22 ถนนเกษตร-นวมินทร์ (ตอม่อ 27-28)

คลิกที่นี่เพื่อดูแผนที่ร้าน